Neocell Collagen plus C&E Liposome Radiance Serum
ราคา 690 บาท
เราภูมิใจนำเสนอผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า รางวัลคุณภาพระดับโลก
จาก Neocell
Corp.
Collagen plus C&E Liposome Radiance Serum ได้มีเทคโนโลยีการผลิตที่ใช้สื่อชนิดพิเศษคือไลโปโซม
(Liposomes) แบบ unilamellar ซึ่งมีอนุภาคขนาดเล็กมาก ที่มีลักษณะเป็นถุงกลมๆ
ของสารไขมันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไขมันประเภท phospholipids ในสารละลายน้ำ
โมเลกุลของสารไขมันประเภท phospholipids สามารถจัดเรียงตัวเป็นชั้นสลับกับชั้นโมเลกุลของน้ำในสารละลายน้ำได้
เพราะโครงสร้างโมเลกุลประกอบด้วยทั้งส่วนมีขั้วและส่วนไม่มีขั้ว โดยจะอยู่ในลักษณะของการเรียงตัวเป็นแถวของโมเลกุลไขมันซ้อนกันเป็นสองชั้น
หรือ lipid bilayer หากไลโปโซมมี lipid bilayer เพียงชั้นเดียว จะจัดเป็นไลโปโซมประเภท unilamellar ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า
0.1 micron สื่อไลโปโซมนี้มีส่วนประกอบและคุณสมบัติคล้ายคลึงกับเยื่อหุ้มเซลล์ของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิต
ซึ่งทั้งหมดนี้จะอยู่ในรูป Time-release
stable liposome form มีคุณสมบัติในการดูดซึมเร็ว โมเลกุลเล็ก
และมีความคงตัวในการออกฤทธิ์ของสารประกอบที่อยู่ภายในสูง ไลโปโซมจะช่วยเพิ่มความคงตัวของสารที่ถูกกักเก็บ
ป้องกันการสลายตัวของสารเคมีจากการถูกทำลายโดยสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น แสง UV,
เอนไซม์ ลักษณะและคุณสมบัติที่คล้ายเยื่อหุ้มเซลล์ตามธรรมชาตินี้เอง ไลโปโซมจึงสามารถนำส่งสารต่างๆ
เข้าสู่เซลล์ได้ดีและคงตัวยาวนาน เนื่องจากโมเลกุลของไขมันฟอสเฟตใน bilayer
(ของทั้งไลโปโซมและเยื่อหุ้มเซลล์) เคลื่อนที่กลับไป-มา (flip-flop)
ในระหว่างชั้นได้เอง ทำให้เกิดการแลกแลกเปลี่ยน รวมตัว และพยายามจัดโครงสร้างใหม่ของโมเลกุลของไขมันฟอสเฟต
และผลที่เกิดก็คือการหลั่งสารที่บรรจุไว้ในไลโปโซมเพื่อซ่อมแซม ป้องกัน รักษาเซลล์ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ไลโปโซมสูตรที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์นีโอเซลนี้ สามารถเพิ่มการนำส่งสารเข้าสู่ผิวหนัง
สู่ชั้นผิวหนังแท้(Dermis)ซึมลึกได้ดีเยี่ยมกว่าเครื่องสำอางค์ทั่วๆไปหลายๆเท่า
แม้จะมีส่วนประกอบคล้ายคลึงกันก็ตาม
คุณสมบัติที่เด่นชัดที่สุดต่อผิวหนัง ของ Collagen plus C&E
Liposome Radiance Serum
1.คอลลาเจนในรูปไลโปโซมจะช่วยเพิ่มความกระชับของผิว เพิ่มความยืดหยุ่นและช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นไว้ได้นานด้วยคุณสมบัติพิเศษ
เฉพาะตัว ด้วยเทคโนโลยี utilizes micro-sphere liposome เพื่อให้ time-released
fat-soluble vitamin C (as ascorbyl palmitate) ซึมลึกลงไปแทรกในผิวหนังซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น
เต่งตึงของผิวหนังได้อย่างรวดเร็วและยาวนาน ซึ่งทำงานแบบเสริมฤทธิ์กันโดยเป็นตัวช่วยในการสร้างคอลลาเจน
ซึ่งเป็นเส้นใยทำหน้าที่เชื่อมเนื้อเยื่อต่างๆ ไว้ด้วยกัน
ทั้งยังเป็นตัวสร้างเส้นเลือดให้ไปเลี้ยงผิวหนัง ช่วยให้แผลจากสิวอักเสบและรอยไหม้จากรังสี
UV หายเร็วขึ้น ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กดีขึ้น
ซึ่งเป็นการสร้างเม็ดเลือดทางอ้อม ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลง ลดภาวะเครียดจากการขาดน้ำและการเสื่อมของเซลล์ผิว
(Mutation) และคงไว้ซึ่งการเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนให้เป็นไปตามธรรมชาติ
2.สารประกอบวิตามิน E Liposome (as dl-alpha
tocopheryl acetate) เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ คือทำให้เกิดการเผาผลาญของเซลล์โดยมีออกซิเจนเป็นตัวการสำคัญทำให้ร่างกายต้านสารอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์ผิวได้ดี ช่วยการสร้างเม็ดเลือด ช่วยขยายเส้นเลือดมาเลี้ยงผิวหนัง
ต้านการแข็งตัวของเลือด ลดความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด ช่วยกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติ ช่วยให้ผิวพรรณสดใส และช่วยสมานแผลรอยไหม้จากแสงแดดให้หายเร็วขึ้น จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มลื่น
ผลจากการนำกรดไขมันที่จำเป็นแบบไม่อิ่มตัวซึ่งมีส่วนได้จากปฏิกิริยาการเผาผลาญของเซลล์ที่สำคัญที่สุดคือ
กรดไลโนเลอิก และมีคุณสมบัติลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวหนัง ควบคุมการทำงานของต่อมไขมันลดปฎิกิริยาการเกิดสิว เพิ่มการแลกเปลี่ยนออกซิเจนของผิวหนัง และลดริ้วรอยบนใบหน้า
ปรับสมดุลย์ความชุ่มชื้นของผิวพรรณ ช่วยเพิ่มความเรียบเนียนของผิว
ลดลักษณะของเส้นพื้นผิวริ้วรอยที่เหี่ยวย่นได้ดี และให้คุณสมบัติความรู้สึกผ่อนคลายสบายผิวที่ดีเยี่ยม
3. อีกทั้งเพิ่มการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนังชนิดดีขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่เสียหาย
ลดการเกิดฝ้าชนิดต่างๆโดยทำงานแบบเสริมฤทธิ์กันระหว่างสารประกอบภายในยับยั้งไม่ให้เกิดฝ้าได้
ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง ชุ่มชื้น ไม่หมองคล้ำ แลดูกระจ่างใสยาวนานอย่างที่คุณต้องการ
วิธีใช้:
ใช้ทาผิวครั้งหรือสองครั้งทุกวันเบา ๆ ซึ่งใช้ไม่กี่หยดของ Collagen plus c
liposome serum ลูบไล้ตามผิวหน้า ส่วนที่แห้งกร้าน และลำคอ
Description
- Time Release Serum with Vitamin C & E Complex
- Potent Antioxidant
- Protects & Rejuvenates
- Vitamin C & Vitamin E
- Paraben Free
- Nutrients You Can Trust
Collagen+C Liposome Serum is made using
time-release micro-capsules that penetrate the skin to deliver collagen
stimulating ingredients and potent anti-oxidants where the skin needs
them most. Fat-soluble Vitamin C, Vitamin E, and phospholipids
containing essential fatty acids to enhance the skin’s firmness,
elasticity, and moisture.
Suggested Use
Once or twice daily, gently smooth a few drops on clean skin over face and neck.
Supplement Facts
Water, phospholipids, tocopheryl acetate
(vitamin E), ascorbyl palmitate, soluble collagen, acrylamide/sodium
acryloyldimethyltaurate copolymer, isohexadecane, polysorbate 80,
butylene glycol, xanthan gum, tyrosine, proline, cysteine, zinc
chloride, ethylhexylglycerin, phenoxyethanol, potassium sorbate,
disodium EDTA.
Warnings
Avoid eye contact.
สาเหตุของไลโปโซมในการนำมาใช้เป็นตัวพาสารต่างๆเข้าสู่ร่างกายมีดังนี้
มี การใช้ไลโปโซมเพื่อให้ภาพถ่ายอวัยวะต่างๆทางการแพทย์มีความชัดเจนขึ้น โดยการติดโมเลกุลที่จะส่งสัญญาณให้เกิดภาพบนผิวของไลโปโซมขนาดเล็ก และเมื่อส่งไลโปโซมเหล่านั้นไปยังอวัยวะที่ต้องการถ่ายภาพ จะทำให้เกิดความคมชัดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายโดยใช้การสะท้อนของคลื่นเสียง (Ultrasound), MRI (Magnetic Rasonance Imaging) ไลโปโซมเหล่านี้ยังสามารถที่จะนำส่งยาเฉพาะที่ได้อีกด้วย
ไลโปโซม (Liposomes) เทคโนโลยีสื่อที่ใช้ใน Neocell Serum ชนิดต่างๆ
ข้อมูลที่ 1
ไลโปโซม (Liposomes) คือ อนุภาคขนาดเล็กมาก ที่มีลักษณะเป็นถุงกลมๆ ของสารไขมันซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไขมันประเภท phospholipids ในสารละลายน้ำ
โมเลกุล ของสารไขมันประเภท phospholipids
สามารถจัดเรียงตัวเป็นชั้นสลับกับชั้นโมเลกุลของน้ำในสารละลายน้ำได้
เพราะโครงสร้างโมเลกุลประกอบด้วยทั้งส่วนมีขั้วและส่วนไม่มีขั้ว
เมื่ออยู่ในน้ำจะจัดเรียงตัวโดยนำส่วนที่มีขั้วหรือมีประจุหันออกหาโมเลกุล
น้ำ
ในขณะเดียวกันจะเอาส่วนที่ไม่มีขั้วหันเข้าหาส่วนที่ไม่มีขั้วของโมเลกุลพวก
เดียวกัน
โดยจะอยู่ในลักษณะของการเรียงตัวเป็นแถวของโมเลกุลไขมันซ้อนกันเป็นสองชั้น
หรือ lipid bilayer หากไลโปโซมมี lipid bilayer เพียงชั้นเดียว
จะจัดเป็นไลโปโซมประเภท unilamellar หากไลโปโซมมี lipid bilayer
มากกว่าหนึ่งชั้น(โดยมีชั้นของสารละลายน้ำกั้นอยู่ระหว่างผนังสองชั้น)
จะจัดเป็นไลโปโซมประเภท multilamellar ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยประมาณ
0.1 micron(1000Å ซึ่งสามารถนำมาเตรียมเป็นไลโปโซมประเภท unilamellar
ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 0.1 micron ได้
เนื่อง จากไลโปโซมมีส่วนประกอบและคุณสมบัติคล้ายคลึงกับcell membrane
ของสิ่งมีชีวิต ดังนั้นจึงมีการพัฒนาไลโปโซมมาใช้เป็นตัวพาสารต่างๆเช่นยา
เครื่องสำอาง เข้าสู่ร่างกาย
และยังพบว่าสามารถควบคุมการกระจายตัวและการออกฤทธิ์ของสารที่ถูกกักไว้ได้
อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสาเหตุของไลโปโซมในการนำมาใช้เป็นตัวพาสารต่างๆเข้าสู่ร่างกายมีดังนี้
- ไล โปโซมไม่เป็นพิษ เนื่องจากเตรียมได้จากไขมันซึ่งไม่เป็นพิษและเป็นส่วนประกอบของ cell membrane ในสิ่งมีชีวิตซึ่งสามารถถูกทำลายได้ในร่างกาย ดังนั้นจึงไม่เป็นอันตรายและไม่ทำให้เกิดอาการแพ้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย แต่มีการศึกษาพบว่าถ้าใช้ไขมันที่ไม่บริสุทธิ์หรือใช้สารที่อาจทำให้เกิด อาการแพ้ในคน ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นได้
- ไลโปโซมช่วยเพิ่มความคงตัวของสารที่ถูกกักเก็บ ป้องกันการสลายตัวของสารเคมีจากการถูกทำลายโดยสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่นแสงUV, เอนไซม์
- ไล โปโซมช่วยลดความเป็นพิษของสารที่ถูกเก็บกัก จากการเลือกส่วนประกอบไขมันที่เหมาะสมและลดขนาดของไลโปโซมทำให้สามารถควบคุม การการะจายตัวและการออกฤทธิ์ของไลโปโซมที่เตรียมได้
- สา มารถให้ไลโปโซมเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น การฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำ ฉีดเข้ากล้าม ฉีดเข้าช่องท้อง การให้ทางปาก การสูดดมเข้าทางจมูกและปอด การใช้ทาทางผิวหนัง เป็นต้น
- ไลโปโซมสามารถเก็บกักสารต่าง ๆ ได้หลายชนิด
- สามารถดัดแปลงโครงสร้างของไลโปโซมได้ง่าย
- ไลโปโซมมีคุณสมบัติเป็น adjuvant ในการนำมาใช้เตรียมวัคซีน
ข้อมูลที่ 2
ไลโปโซม (Liposomes) คือ
อนุภาค ขนาดเล็กของสารไขมันเรียงซ้อนกันสองชั้นสลับกับชั้นของน้ำ ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความคงตัวของสารที่ถูกกัก เก็บและเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการนำพาสารที่ถูกกักเก็บสู่ ชั้นผิวที่ลึกขึ้น เป็นต้น
บทบาทและข้อดีของไลโปโซมในด้าน cosmeticอนุภาค ขนาดเล็กของสารไขมันเรียงซ้อนกันสองชั้นสลับกับชั้นของน้ำ ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีและกายภาพจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความคงตัวของสารที่ถูกกัก เก็บและเป็นตัวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการนำพาสารที่ถูกกักเก็บสู่ ชั้นผิวที่ลึกขึ้น เป็นต้น
เครื่อง
สำอางในปัจจุบันจะเกี่ยวข้องกับการป้องกันผิวหนังชั้นนอก (ชั้นหนังกำพร้า)
ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังที่ทำหน้าที่เป็นตัวป้องกัน ผิวหนังจากสภาวะต่าง ๆ
ภายนอก
นอกจากนี้ยังเป็นตัวพาสารสำคัญออกฤทธิ์ที่จะไม่เป็นพิษและสามารถนำสารสู่
ชั้นคิวเตเนียส
เทคโนโลยีไลโปโซมเป็นศาสตร์หนึ่งที่ได้มีการนำมาใช้ทางเครื่องสำอางเพื่อ
พัฒนาเครื่องสำอางต่าง ๆ ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพดีขั้น
ทั้งนี้เนื่องจากไลโปโซม มีข้อดีหลายประการ
ที่จะสามารถนำมาใช้ทางเครื่องสำอางคือ
- ไล โปโซมช่วยการซึมผ่านของสารที่เก็บกักอยู่ภายในเข้าสู่ขั้นเคอร์มีสได้จากการ ศึกษาโดยใช้เทคนิคการวาวแสง พบว่าไลโปโซมที่เก็บกักสาร Sodium (14C) Pyrrolidone carboseylate สามารถซึมผ่านผิวและช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ทั้งนี้เนื่องจากสารประกอบดังกล่าวเป็นสารให้ความชุ่มชื้นและสามารถดึงน้ำ เข้าผิวได้เมื่อเก็บกักในไลโปโซม แล้วยังพบว่าเปปไทด์ในไลโปโซมสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไฟโปรบลัสท์ (Fibroblast) ของผิวหนังได้เป็นสองเท่ามากกว่าเปปไทด์ที่มิได้เก็บกักในไลโปโซมและสามารถ ทำให้แผลหายเร็วขึ้นเป็น 4 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไลโปโซมสามารถช่วยในการซึมผ่านผิวหนังของเปปไทด์ได้มาก ขึ้น
- ไล โปโซมช่วยทดแทนไขมันบนผิวหนัง พบว่าไลโปโซมที่ประกอบด้วยฟอสโฟลิปิดและไกลโครฟิวโกลิปิดจะเป็นไลโปโซมที่คง ตัวและมีอัตราส่วนของไขมันที่คล้ายคลึงกับไขมันในผนังบุของเซลล์บุผิว (epidernalcell) จากการศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพเคมีและรูปร่างของไลโปโซมที่มีส่วนประกอบ ไขมันดังกล่าวนี้ได้พบว่าไลโปโซมในรูปแบบโอลิโกลาเมลา (Oligolamellar) ซึ่งมีจำนวนผนังสองชั้น (double layer)มากกว่าหนึ่งชั้น แต่มีผนังชั้นน้อยกว่าประเภทมัลทิลาเมลา จะสามารถทดแทนไขมันดังกล่าวที่ผลทำให้การระเหยของน้ำออกจากผิวหนัง ลดลง ซึ่งจะทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังกลับสภาพคงเดิมและไม่ถูกทำลาย การที่ไลโปโซมสามารถช่วยฟื้นฟูผนัง ของเซลล์ที่ถูกทำลายไปนั้น เกิดจากการที่ไลโปโซมสามารถทดแทน เคอราติน (Keratin) ซึ่งเป็น โปรตีนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง
- ไล โปโซมสามารถเก็บกักสารเคมีทางเครื่องสำอางได้มากมาย เช่น เครื่องสำอางประเภทลบรอยย่นเครื่องสำอางกลุ่มการปรับสีผิว และการปรับสภาพผิว วิตามินต่าง ๆ เครื่องสำอางที่ใช้กับผมและหนังศรีษะ โดยสารที่ถูกกักเก็บจะสามารถทนต่อการถูกชำระล้างออกจากผิวและสามารถใช้ไลโป โซมดังกล่าวนี้เป็นตัวพาสารให้ความชุ่มชื้นเข้าผิวที่แห้งได้
- ไล โปโซมช่วยให้ผิวมีความอ่อนนุ่ม โดยไลโปโซมช่วยให้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทาง่ายไม่มีความฝืดเนื่องจากการที่ ไลโปโซมมีส่วนผสมของไขมัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไลโปโซม จะให้ความรู้สึกนุ่มละมุนในขณะที่ทาบนผิวหนัง และมีความลื่นทาง่ายขึ้น
- ไล โปโซมจะช่วยลดการระคายเคืองต่าง ๆ จากการแพ้สารเคมีได้ ทั้งนี้เนื่องจากการกักเก็บสารเคมีต่าง ๆ ในไลโปโซมจะช่วยป้องกันมิให้สารเคมีเหล่านั้นสัมผัสกับผิวโดยตรงเป็นการช่วย ลดโอกาสในการแพ้และระคายเคืองต่อผิวหนัง
ไลโปโซมมีลักษณะได้หลายแบบ เช่น
เป็นรูปทรงกลม ทรงรี ทรงลูกบาศก์ เป็นแผ่นพับไป-มา หรือรูปทรงหลายมิติ
อาจจะประกอบด้วย bilayer ชั้นเดียว หรือหลายๆชั้น
ขึ้นอยู่กับลักษณะของโมเลกุลไขมันฟอสเฟต อัตราส่วนของน้ำต่อไขมัน
สารตัวเติม หรือวิธีการผลิตไลโปโซม นอกจากนี้
ไขมันฟอสเฟตที่จะนำมาผลิตไลโปโซมยังมีมากมายหลายร้อยชนิด
ทั้งมีประจุเป็นบวก ประจุลบ และไม่มีประจุ อาจจะมีส่วนหางสายเดียว
สองหรือสามสาย และมีความสั้น-ยาวต่างๆ
ดังนั้นเราจึงสามารถที่จะสร้างไลโปโซมชนิดต่างๆ ให้เหมาะสมตามการใช้งาน
ประโยชน์และการใช้งานไลโปโซม
ด้วย
ลักษณะและคุณสมบัติที่คล้ายเยื่อหุ้มเซลล์ตามธรรมชาตินี้เอง
ไลโปโซมจึงสามารถนำส่งสารต่างๆ เข้าสู่เซลล์ได้ดี
เนื่องจากโมเลกุลของไขมันฟอสเฟตใน bilayer
(ของทั้งไลโปโซมและเยื่อหุ้มเซลล์) เคลื่อนที่กลับไป-มา (flip-flop)
ในระหว่างชั้นได้เอง ทำให้เกิดการแลกแลกเปลี่ยน รวมตัว
และพยายามจัดโครงสร้างใหม่ของโมเลกุลของไขมันฟอสเฟต
และผลที่เกิดก็คือการหลั่งสารที่บรรจุไว้ในไลโปโซม
การประยุกต์ใช้ไลโปโซมจำนวนมากจึงเกี่ยวข้องกับระบบนำส่ง (Delivery System)
ของยา หรือสารสำคัญเข้าสู่ร่างกาย
- นำส่งสารเข้าสู่ผิวหนัง (Transdermal Delivery)
- นำส่งสารสู่เซลล์
เนื่อง จากขนาดที่เล็กระดับนาโนของไลโปโซม
ทำให้มันเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดขาวได้เร็วตามกลไกระบบภูมิคุ้มกันปกติของ
ร่างกาย
ดังนั้นการใช้ไลโปโซมจึงเหมาะสมในการรักษาโรคที่ต้องการนำส่งยาเข้าสู่เซลล์
เม็ดเลือดขาว ดังตัวอย่างการรักษาการติดเชื้อ Leishmania ของเซลล์
Macrophage โดยการบรรจุยา Amphotericin B ลงระหว่างชั้น bilayer ของไลโปโซม
การดัดแปลงพื้นผิวไลโปโซมเพื่อการใช้งานนำส่งสารเข้าสู่เซลล์แบบต่างๆ
(A) ไลโปโซมทั่วไป ที่มีเฉพาะชั้นของไขมันฟอสเฟต
(B) Stealth liposomes มีการดัดแปลงพื้นผิวด้วยพอลิเมอร์ PEG เพื่อเพิ่มอายุในการหมุนเวียนในร่างกาย ไม่ให้ถูกกำจัดอย่างรวดเร็วโดยระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถผ่านผนังเซลล์หลอดเลือดฝอยในก้อนเนื้องอกได้ดีขึ้น
(C) Targeting liposomes มีการติดโมเลกุลของแอนติบอดี้ เพื่อการหาเป้าหมายที่จะนำส่งสารสำคัญภายในร่างกาย
(D) การเพิ่มโมเลกุล หรือ พอลิเมอร์ที่มีประจุบวก เพื่อนำสารพันธุกรรมแบบไม่ใช้ virus
(B) Stealth liposomes มีการดัดแปลงพื้นผิวด้วยพอลิเมอร์ PEG เพื่อเพิ่มอายุในการหมุนเวียนในร่างกาย ไม่ให้ถูกกำจัดอย่างรวดเร็วโดยระบบภูมิคุ้มกัน และสามารถผ่านผนังเซลล์หลอดเลือดฝอยในก้อนเนื้องอกได้ดีขึ้น
(C) Targeting liposomes มีการติดโมเลกุลของแอนติบอดี้ เพื่อการหาเป้าหมายที่จะนำส่งสารสำคัญภายในร่างกาย
(D) การเพิ่มโมเลกุล หรือ พอลิเมอร์ที่มีประจุบวก เพื่อนำสารพันธุกรรมแบบไม่ใช้ virus
• การทดสอบปฏิกริยาของยากับเยื่อหุ้มเซลล์ (Drug Testing)
องค์ ประกอบผนังของของไลโปโซมสามารถเปลี่ยนแปลงให้มีความคล้ายกับเยื่อหุ้ม เซลล์ของคนหรือสัตว์หรือจุลินทรีย์ได้ ดังนั้นจึงมีการใช้ไลโปโซมในการทดสอบปฏิกิริยาของยา หรือการนำส่งยาเข้าสู่เซลล์จำลอง เช่น เซลล์ผิวหนัง กระเพาะอาหาร สมอง ถุงน้ำดี ฯลฯ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนายาจำนวนมาก
• การปรับปรุงภาพถ่ายทางการแพทย์ (Image Enhancing) องค์ ประกอบผนังของของไลโปโซมสามารถเปลี่ยนแปลงให้มีความคล้ายกับเยื่อหุ้ม เซลล์ของคนหรือสัตว์หรือจุลินทรีย์ได้ ดังนั้นจึงมีการใช้ไลโปโซมในการทดสอบปฏิกิริยาของยา หรือการนำส่งยาเข้าสู่เซลล์จำลอง เช่น เซลล์ผิวหนัง กระเพาะอาหาร สมอง ถุงน้ำดี ฯลฯ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนายาจำนวนมาก
มี การใช้ไลโปโซมเพื่อให้ภาพถ่ายอวัยวะต่างๆทางการแพทย์มีความชัดเจนขึ้น โดยการติดโมเลกุลที่จะส่งสัญญาณให้เกิดภาพบนผิวของไลโปโซมขนาดเล็ก และเมื่อส่งไลโปโซมเหล่านั้นไปยังอวัยวะที่ต้องการถ่ายภาพ จะทำให้เกิดความคมชัดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพถ่ายโดยใช้การสะท้อนของคลื่นเสียง (Ultrasound), MRI (Magnetic Rasonance Imaging) ไลโปโซมเหล่านี้ยังสามารถที่จะนำส่งยาเฉพาะที่ได้อีกด้วย
ข้อจำกัดของการใช้ ไลโปโซม
ไล โปโซมจะมีความคงตัวค่อนข้างต่ำจึงเก็บรักษายาก และเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ง่ายเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป เนื่องจากไขมันฟอสเฟตแต่ละชนิดมีค่าอุณหภูมิในการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้ว (Glass Transition Temperature, Tg) ที่ไม่เท่ากัน และลักษณะที่เคลื่อนที่ไปมาตลอดเวลาของไขมันฟอสเฟต อาจจะทำให้สารชนิดละลายน้ำได้ที่บรรจุอยู่ภายในรั่วไหลออกมาเองได้ นอกจากนั้นยังบรรจุยาได้ในปริมาณน้อย จึงมักใช้นำส่งสารมูลค่าสูง รวมทั้งเทคนิคการทำให้ปลอดเชื้อที่ต้องไม่ใช้ความร้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์ไลโปโซมมีราคาแพง
ไล โปโซมจะมีความคงตัวค่อนข้างต่ำจึงเก็บรักษายาก และเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ง่ายเมื่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไป เนื่องจากไขมันฟอสเฟตแต่ละชนิดมีค่าอุณหภูมิในการเปลี่ยนสถานะคล้ายแก้ว (Glass Transition Temperature, Tg) ที่ไม่เท่ากัน และลักษณะที่เคลื่อนที่ไปมาตลอดเวลาของไขมันฟอสเฟต อาจจะทำให้สารชนิดละลายน้ำได้ที่บรรจุอยู่ภายในรั่วไหลออกมาเองได้ นอกจากนั้นยังบรรจุยาได้ในปริมาณน้อย จึงมักใช้นำส่งสารมูลค่าสูง รวมทั้งเทคนิคการทำให้ปลอดเชื้อที่ต้องไม่ใช้ความร้อน ทำให้ผลิตภัณฑ์ไลโปโซมมีราคาแพง
ไลโปโซม มีอันตรายหรือไม่?
ยัง ไม่พบรายงานถึงอันตรายต่อสุขภาพที่เป็นผลมาจากไลโปโซมเอง เนื่องจากไขมันฟอสเฟตเป็นสารที่มีอยู่ทั่วไปในร่างกาย ไขมันฟอสเฟตที่มีจำหน่ายเป็นการค้าเพื่อนำมาผลิตไลโปโซมส่วนใหญ่เป็นสารสกัด จากไข่และน้ำมันพืช ไลโปโซมโดยทั่วไปมีอายุค่อนข้างสั้น และจะถุกกำจัดไปอย่างรวดเร็วโดยระบบภูมิคุ้มกัน สำหรับไลโปโซมที่มีการดัดแปลงให้มีอายุในการหมุนเวียนยาวขึ้นก็จะถุกกำจัด ได้ที่ตับและม้ามโดยกลไกปกติของร่างกาย อีกทั้งขนาดของการใช้ไลโปโซมจะน้อยมาก ทำให้ไม่มีปัญหาการสะสมไขมันจนอยู่ในระดับอันตรายได้
ยัง ไม่พบรายงานถึงอันตรายต่อสุขภาพที่เป็นผลมาจากไลโปโซมเอง เนื่องจากไขมันฟอสเฟตเป็นสารที่มีอยู่ทั่วไปในร่างกาย ไขมันฟอสเฟตที่มีจำหน่ายเป็นการค้าเพื่อนำมาผลิตไลโปโซมส่วนใหญ่เป็นสารสกัด จากไข่และน้ำมันพืช ไลโปโซมโดยทั่วไปมีอายุค่อนข้างสั้น และจะถุกกำจัดไปอย่างรวดเร็วโดยระบบภูมิคุ้มกัน สำหรับไลโปโซมที่มีการดัดแปลงให้มีอายุในการหมุนเวียนยาวขึ้นก็จะถุกกำจัด ได้ที่ตับและม้ามโดยกลไกปกติของร่างกาย อีกทั้งขนาดของการใช้ไลโปโซมจะน้อยมาก ทำให้ไม่มีปัญหาการสะสมไขมันจนอยู่ในระดับอันตรายได้
ในปัจจุบัน
ผลิตภัณฑ์ยาบรรจุไลโปโซมจำนวนมากที่มีการผลิตในระดับการค้า เช่น
Amphotericin B, Doxorubicin, Daunorubicin รวมทั้งในเครื่องสำอางชนิดต่างๆ
เป็นต้น และสามารถดัดแปลงเพื่อใช้ประโยชน์ในงานด้านอาหาร ยา
เครื่องสำอางและการวิจัยทางการแพทย์อย่างมากมาย
แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางประการ
แต่เมื่อใช้ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีทางวัสดุพอลิเมอร์
โดยการดัดแปลงคุณสมบัติของพื้นผิวก็จะทำให้การออกแบบระบบการใช้ไลโปโซมเป็น
ไปอย่างมีประสิทธิภาพได้
งานวิจัยการใช้งานไลโปโซมของคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
ที่ห้องวิจัยวิศวกรรมชีวเคมี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น